เลือกซื้อบ้าน เรื่องน่ารู้น่าสนใจหากคุณกำลังอยากมีบ้านสักหลัง

Anuwat Anuwat
บ้านอาจารย์สุเมธ พนิตมนตรี , SignatureDesign SignatureDesign Eclectic style houses Concrete
Loading admin actions …

บ้านและที่อยู่อาศัยหนึ่งในปัจจัยพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนต้องปลูกสร้าง โดยรูปแบบของการมีบ้านสักหนึ่งหลัง มีทั้งเลือกซื้อและปลูกสร้างเอง ซึ่งเทรนด์สำหรับการอยู่อาศัยยุคนี้ดูเหมือนว่า การเลือกซื้อบ้านจะได้รับความนิยมมากกว่า เพราะสะดวกสบาย มีแบบบ้านให้แล้วเสร็จพร้อมกับที่ดิน ไม่ต้องใช้เงินก้อนในการสร้างสามารถทำสินเชื่อผ่านสถาบันการเงิน ที่สำคัญมีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายเสริมเข้ามา อาทิ สระว่ายน้ำ สวนสาธารณะ และความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งทั้งหมดเป็นเพียงส่วนหนึ่งของประโยชน์ที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยยุคนี้เลือกซื้อบ้านเพื่อการอยู่อาศัยแทนที่จะปลูกสร้างเอง

​เลือกซื้อบ้านใหม่ ต้องทำอย่างไร

การเลือกซื้อบ้านสักหนึ่งหลังควรทำความเข้าใจและศึกษาอย่างละเอียด เพราะมูลค่าของบ้านหนึ่งหลังมีราคาสูง ดังนั้นทาง Homify ขอตีกรอบเทคนิคหรือข้อควรรู้ก่อนการเลือกซื้อบ้านใหม่แบบพื้นฐานที่ผู้อยู่อาศัยสามารถนำไปปรับใช้และประกอบในการตัดสินใจออกเป็น 5 ข้อ ได้แก่

1.สำรวจความต้องการของตัวเอง เรื่องนี้ถือเป้นเรื่องแรกที่ผู้อยู่อาศัยต้องทราบว่างสิ่งที่เราต้องการคือบ้านแบบไหน อาทิ ครอบครัวใหญ่ควรเลือกบ้านเดี่ยว ครอบครัวคนรุ่นใหม่และต้องการไลฟสไตล์ใกล้เมืองคือคอนโดมิเนียม หรือจะเป็นทาวน์โฮมในโครงการที่มีทำเลที่ตั้งสะดวกสบาย ราคาไม่สูงและรองรับการอยู่อาศัยได้ 3-5 คน

2.ตั้งงบประมาณ เมื่อทราบต้องการผู้อยู่อาศัยควรตั้งงบประมาณในการเลือกซื้อ ซึ่งในส่วนนี้หากไม่มีเงินสดในจำนวนที่สูง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชายด้านการเงินของสถาบันการเงิน ซึ่งถ้าหากมีฐานเงินเดือนที่สูงสามารถกู้ได้มากถึง 80 เท่าของเงินเดือน โดยทั่วไปการผ่อนบ้านจะมีระยะยาวฉะนั้นควรบริหารจัดการการชำระค่าบ้านให้เหมาะสมกับเงินเดือนหรือประมาณร้อยละ 25 ของเงินเดือน

3.เลือกโครงการบ้านที่ตอบโจทย์ โดยในส่วนนี้ต้องประเมินเรื่องการเดินทางเป็นหลัก เพราะถ้าหากบ้านอยู่ไกลหรือตั้งอยู่ในทำเลที่ลำบากอาจสร้างความไม่สะดวกสบายในการอยู่อาศัย อีกทั้งยังเพิ่มค่าเดินทาง

4.วัสดุก่อสร้าง เมื่อทราบว่าอยากได้บ้านแบบไหน โครงการใด สิ่งสำคัญขั้นต่อมาคือการลงไปดูในรายละเอียดของบ้านนับตั้งแต่วัสดุก่อสร้างที่นำมาใช้ การวางโครงสร้าง การตกแต่ง และภาพรวมเพื่อให้บ้านของเราออกมาตอบโจทย์ตรงใจมากที่สุด ไม่เพียงเท่านั้นยังมองไปถึงสิทธิประโยชน์ที่ได้รับ อาทิ สิ่งอำนวยความสะดวก จำพวก สระว่ายน้ำ ลู่วิ่ง หรือพื้นที่สีเขียวสำหรับพักผ่อนในโครงการ

5.อนาคตของโครงการ สิ่งนี้แม้จะดูไม่จำเป็น แต่ถ้าหากมองในระยะยาวถือว่าจะเป็นอย่างมาก ทั้งมูลค่าของบ้านที่จะสูงขึ้น รวมทั้งความสะดวกสบายในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน เพราะเราไม่ได้อยู่บ้านเพียง 5-10 ปี

ข้อควรรู้แบบง่ายๆที่ไม่ต้องใช้เงินสักบาทที่เราต้องศึกษา สอบถามหรือลงไปดูตัวอย่างโครงการจริง บางครั้งดูในกระดาษอาจจะสวยแต่พอเยี่ยมชมอาจไม่ถูกใจ ฉะนั้นอย่าเลือกซื้อบ้านเพียงเพราะฉาบฉวย แต่จงเลือกซื้อบ้านด้วยหัวใจ เพราะเราและครอบครัวจะต้องอยู่อาศัยไปอย่างยาวนาน ที่สำคัญทุกครั้งที่เลือกสิ่งที่ดีที่สุด สิ่งที่ได้มากกว่าบ้าน คือ ความคุ้มค่า ความสะดวกสบาย และสภาพการอยู่อาศัยที่ดี

​เลือกซื้อบ้านโครงการไหนดี

ปัจจุบันในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยมีรูปแบบหรือชนิดของบ้านให้เลือกอย่างหลากหลาย ซึ่งนอกจากดีไซน์ ราคา ยังมีทำเลที่ตั้งที่เหมาะสมในโซนอื่นๆ ทั้งกรุงเทพฯและจังหวัดต่างๆ ฉะนั้นหากจะให้นิยมหรือคำตอบว่า เลือกซื้อบ้านโครงการไหนดี อยากให้ผู้อยู่อาศัย ตั้งคำถามในใจหรือหลักคิดพื้นฐาน 3 ข้อ ประกอบด้วย

1.ทำเลที่ตั้ง สิ่งนี้คือหัวใจสำคัญเพราะสามารถบ่งชี้ได้หลากหลายประเด็น อาทิ การเดินทางไปทำงาน มูลค่าการเติบโตของที่ดินและบ้าน ดังนั้นการประเมินเรื่องการเดินทางและมองถึงโอกาสในอนาคตจะช่วยให้บ้านของทุกคนมีคุณค่าและน่าอยู่อาศัยในระยะยาว

2.สิ่งอำนวยความสะดวกสบาย นอกจากระยะทางในการเดินทาง ทำเลที่ตั้งที่กล่าวมาข้างต้นต้องเพียบพร้อมไปด้วย โรงพยาบาล โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า หรือโครงสร้างพื้นฐานอย่างถนนหลัก ทางด่วนและระบบขนส่งมวลชน อย่าง รถไฟฟ้า ไม่เพียงเท่านั้นสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการก็สำคัญไม่แพ้กัน อาทิ สระว่ายน้ำ สวนสาธารณะ และอื่นๆที่จะทำให้ผู้อยู่อาศัยได้ผ่อนคลาย

3.สไตล์การออกแบบ  แม้แบบในแต่ละโครงการจะเหมือนกันแต่การฟังแนวคิดในการออกแบบของผู้พัฒนาหรือสถาปนิก จะช่วยให้การตัดสินใจของเราดูง่ายขึ้น ซึ่งสไตล์ยอดฮิตนอกจากโมเดิร์น บ้านยุคนี้ได้หันมาผสมผสานสไตล์อื่นๆเข้าไปปรุงแต่ง อาทิ Modern Luxury ความหรูที่ลงตัวกับชีวิตทันสมัยจากบ้านเดี่ยว  Modern Contemporary การอยู่อาศัยที่เรียบง่ายอย่างร่วมสมัยในแบบทาวน์โอมหรือบ้านชั้นเดียว หรือจะเป็น Modern Loft การอยู่อาศัยแบบดิบเท่อย่างคนรุ่นใหม่ในแบบคอนโดมิเนียม เป็นต้น

ดังนั้นการเลือกโครงการบ้าน ผู้อยู่อาศัยคือคำตอบที่เหมาะสมที่สุด ที่จะรู้และเลือกโครงการที่สะดวกสบายสำหรับตัวเองมากที่สุด

เลือกซื้อบ้านตามหลักฮวงจุ้ย

สำหรับการเลือกซื้อบ้านตามหลักฮวงจุ้ยหรือศาสตร์ของชาวจีนที่ว่าด้วยการจัดวางตำแหน่งของบ้านหรือสิ่งก่อสร้างต่างๆ นั้น ผู้อยู่อาศัยควรให้คาวมสำคัญอยู่ 3 เรื่อง คือ

1.ที่ตั้ง โดยตามหลักของชาวจีนนั้น ทำเลที่เป็นมงคลบ้านจะต้องตั้งอยู่สูงกว่าพื้นปกติ บริเวณส่วนหน้าควรมีแม่น้ำ แต่ถ้าบ้านในชุมชนเมืองเปรียบแม่น้ำเป็นถนนได้เช่นกัน

2.ทิศทาง การจัดวางบ้านตามหลักฮวงจุ้ยต้องคำนึงทิศทางทั้งลมและแสง เช่น หน้าบ้านควรหันไปในทิศเหนือหรือทิศใต้เพราะมีกระแสลมพัดผ่านอยู่เสมอ ที่สำคัญไม่ร้อนมากเมื่อเทียบกับการหันหน้าบ้านไปในทิศตะวันตก ซึ่งเมื่อบ้านมีความปลอดโปร่งจะส่งผลต่อสุขภาพที่ดีแก่ผู้อยู่อาศัย

3.การจัดวางของตกแต่งภายในบ้าน ควรยืดหลัก หยิน หยาง เป็นหลักเพื่อให้ภาพรวมภายในบ้านดูเป็นระเบียบ สะอาดและมีความส่องสว่างอย่างทั่วถึง

ฮวงจุ้ยถือเป็นอีกหนึ่งศาสตร์ที่มีความผูกพันกับการอยู่อาศัย โดยเฉพาะการจัดการในเรื่องของพลังงานธรรมชาติให้เป็นพลังงานดี

เลือกซื้อบ้านมือสอง

แน่นอนบ้านและที่อยู่อาศัยในยุคสมัยนี้ไม่ได้มีแต่บ้านใหม่แต่ยังมีบ้านมือสองเป็นทางเลือก ซึ่งจุดเด่นของบ้านมือสองคงจะเป็นในเรื่องของราคาที่จะถูกลง แต่นอกจากราคาเรายังต้องให้ความสำคัญในการตรวจสอบส่วนต่างๆ โดยเริ่มจากโครงสร้าง แปลนบ้าน และวัสดุก่อสร้าง จากนั้นดูการต่อเติม การตกแต่ง หากมีร่องรอยการชำรุดหรือทรุดโทรมควรทำการรีโนเวท ยิ่งไปกว่านั้นการตรวจสอบในเรื่องของโฉด ความกว้าง ความยาวของบ้าน ก็ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน ยิ่งถ้าซื้อต่อจากโครงการบ้านเดิมต้องแจ้งนิติประจำโครงการทุกครั้งเมื่อพบเจอร่องรอย เพื่อดำเนินการซ่อมแซมและใช้สิทธิประโยชน์อย่างคุ้มค่า

เลือกซื้อบ้านทำเล

ทำเล ถือเป็นหัวใจหลักในการเลือกซื้อบ้านอย่างที่กล่าวมาข้างต้น ไม่เพียงเท่านั้นยังเป็นปัจจัยในการกำหนดราคาของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ฉะนั้นการเลือกซื้อบ้านในโครงการทำเลที่ดี แม้จะมีราคาสูง แต่หากมองระยะยาวเปรียบเสมือนดั่งการลงทุน ทั้งนี้ทำเลยอดนิยมหรือพื้นที่ตามจุดต่างๆ ของ กทม.ยังบ่งชี้รูปแบบบบ้านได้อย่างชัดเจน เช่น ตัวเมืองหรือแนวรถไฟฟ้าส่วนใหญ่จะเป็นบ้านแบบแนวสูงหรือคอนโดมิเนียมเพราะใช้พื้นที่ในการปลูกสร้างไม่มาก อีกทั้งยังเชื่อมผู้คนสู่ระบบรางและรถได้อย่างคล่องตัว ขณะที่กรุงเทพชานเมืองทั้งทิศตะวันออกและทิศตะวันตก จะพบเจอบ้านแบบแนวราบอย่างทาวน์โฮม บ้านเดี่ยว ในหลากหลายโครงการบนถนนเส้นหลัก อาทิ บางนาตราด พระราม 2 และราชพฤกษ์

ทำเลบ้านบ่งบอกถึงความคล่องตัวในการอยู่อาศัยอันเกิดจากวิเคราห์ของผู้อยู่อาศัยแล้ว ฉะนั้นหากเลือกทำลบ้านที่ดีก็ต้องยอมแรกในเรื่องของราคา แต่ถ้าหากเลือกทำเลที่เหมาะก็ทำให้การอยู่อาศัยสมดุลได้เช่นกันทั้งในแง่ของการเดินทางและราคา

เลือกซื้อบ้านราบหรือแนวสูง

จริงๆแล้งหากต้องเลือกระหว่างบ้านแนวราบอย่างบ้านเดี่ยว บ้านชั้นเดียว หรือทาวน์โฮม กับบ้านแนวสูงอย่างคอนโดมิเนียม คงเลือกได้ยาก เพราะบ้านแต่ละชนิดมีข้อดีที่ต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น

-การเดินทาง บ้านแนวสูงจะมีความคล่องตัวกว่าเพราะส่วนใหญ่จะปลูกสร้างอยู่ใกล้กับโครงสร้างพื้นฐานอย่างรถไฟฟ้า แต่สำหรับบ้านแนวราบส่วนใหญ่จะต้องมีรถยนต์

-ขนาดของครอบครัว แนวราบจะเติมเต็มได้มากกว่าเพราะตัวบ้านจะมีขนาดที่กว้าง อีกทั้งยังรองรับอัตราการเกิดในอนาคตได้อย่างสมส่วน

-ความเป็นส่วนตัว ในมิติมีความเหมือนกัน เพราะบ้านเดี่ยวก็มีการกั้นมุมห้องเช่นกัน

-สิ่งอำนวยความสะดวก ยอมรับว่าบางโครงการของบ้านแนวสูงจะมีมากกว่า โดยเฉพาะสถานที่ออกกำลังกาย แต่ขณะเดียวกันแนวราบจะเพียบพร้อมไปด้วยพื้นที่สีเขียวที่กว้าง

-ความปลอดภัย โครงการบ้านยุคนี้ไม่ว่าจะแนวราบและแนวสูงต่างก็มีระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย

-ราคา สำหรับราคาขึ้นอยู่กับงบประมาณและทำเลที่ตั้ง บางครั้งยังรวมไปถึงการตกแต่ง โดยเกรดของบ้านทั้งสองแบบมีในทุกระดับนับตั้งแต่ 1 ล้าน ไปจนถึงระดับหรูหราหรือมากกว่า 15 ล้านขึ้นไป

ฉะนั้นการเลือกซื้อบ้านทั้งแนวราบและแนวสูงมีจุดเด่นที่ต่างกัน ผู้อยู่อาศัยควรเลือกให้เหมาะสมกับไลฟสไตล์การอยู่อาศัยให้ได้มากที่สุด เพราะไม่วาจะบ้านแบบไหน หากสุขใจและตรงกับความต้องการในการใช้สอย บ้านหลังนั้นก็เป็นพื้นที่สำหรับความสุขของทุกคน

การเลือกซื้อบ้านถือเป็นฐานรากที่สำคัญในการอยู่อาศัย อยากให้ทุกคนให้ความสำคัญในทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้บ้านและที่อยู่อาศัยที่ตรงใจ เหมาะสมกับไลฟสไตล์ สวยงามและคุ้มค่ากับเม็ดเงินในทุกบาท

Need help with your home project?
Get in touch!

Highlights from our magazine